เครื่องซักผ้าถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ และเครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องซักผ้าแต่ละประเภทมีการแบ่งความจุของถังซักเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน สำหรับการคำนวณน้ำหนักผ้าจะใช้การคำนวณตามน้ำหนักของ ‘ผ้าแห้ง’ โดยมีสูตรคำนวณแบบมาตรฐาน ดังนี้
●ความจุถังซักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซักผ้าได้ประมาณ 25 – 30 ชิ้น
●ความจุถังซักไม่เกิน 9 กิโลกรัม ซักผ้าได้ประมาณ 36 – 45 ชิ้น
●ความจุถังซักไม่เกิน 11 กิโลกรัม ซักผ้าได้ประมาณ 46 – 65 ชิ้น
●ความจุถังซักตั้งแต่ 12 กิโลกรัมขึ้นไป ซักผ้าได้ 56 ชิ้นขึ้นไป
สรุปแล้ว! เครื่องซักผ้า 15 กิโลจัดอยู่ในกลุ่มถังซัก 12 กิโลกรัมขึ้นไป ดังนั้นสามารถซักผ้าได้มากกว่า 56 ชิ้น ในส่วนความจุในการซักผ้านวม เครื่องซักผ้า 15 กิโลเหมาะสำหรับการซักผ้านวมขนาดไม่เกิน 5 ฟุต หรือขนาด 6 ฟุตแบบผืนบางได้ แต่ทั้งนี้ตัวเลขข้างต้นเป็นเพียงการคำนวณแบบคร่าว ๆ เท่านั้น เนื่องจากการใช้งานของแต่ละครัวเรือนไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้ใช้งานต้องมีการคำนวณจากประเภทและลักษณะของผ้าแต่ละแบบ เช่น เสื้อ กระโปรง กางเกงยีนส์ ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ ที่มีน้ำหนักแตกต่างกันด้วยเสมอ ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการใส่ผ้าในถังจนแน่น โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาบนที่ต้องมีการเผื่อปริมาณน้ำ เพราะทันทีที่ผ้าถูกอัดแน่นเกินไปมักส่งผลให้การซักผ้าไม่มีประสิทธิภาพ ผ้าไม่สะอาด ไม่มีพื้นที่เพียงพอให้ผ้าได้เสียดสีกัน อีกทั้งยังทำให้น้ำยาและผงซักฟอกไม่อาจเข้าถึงทุกจุดของเสื้อผ้าได้ มิหนำซ้ำยังเป็นเหตุผลที่ทำให้มอเตอร์ทำงานหนัก ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลง และแม้ว่า LG มีการรับประกันมอเตอร์เครื่องซักผ้านานถึง 10 ปี แต่คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยหากคุณใช้เครื่องซักผ้าอย่างทะนุถนอมถูกต้องตามคู่มือการใช้งาน เพราะสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้การซักผ้าสะอาดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นผลดีกับมอเตอร์ และช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานให้เครื่องซักผ้าของคุณอีกด้วย