ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญได้รับความนิยมและมีให้บริการมานานนับสิบปีแล้ว การได้เห็นผู้คนมาต่อคิวใช้บริการตามหอพัก อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม หรือตามจุดต่าง ๆ ถือเป็นภาพที่คุ้นชิน จนหลายคนเกิดไอเดียอยากลองเปิดให้บริการเครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญดูบ้าง สำหรับธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ลงทุนเท่าไหร่ ? คืนกำไรตอนไหน รวมถึงมีข้อควรคำนึงอะไรบ้างเราจะมาไขคำตอบให้ทราบกัน

ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญสามารถเริ่มต้นด้วย 2 แนวทาง คือ
1. ทำเองทั้งหมด ลงทุนซื้อเครื่องซักผ้า หาทำเล ติดตั้งที่หยอดเหรียญ ต่อระบบน้ำไฟ ฯลฯ
2. ซื้อแฟรนไชส์

สำหรับเครื่องซักผ้าที่เหมาะสำหรับการเปิดบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญควรเป็นเครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม ขนาดความจุตั้งแต่ 10 กิโลกรัมขึ้นไปจะดีที่สุด เพราะมีความทนทาน สามารถซักต่อเนื่องได้ รวมถึงการซักผ้าชิ้นใหญ่อย่างเช่น ผ้านวม ผ้าห่ม ชุดเครื่องนอน แต่หากมีงบประมาณจำกัดอาจเลือกใช้เป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า หรือเครื่องซักผ้าฝาบนก็ได้เช่นเดียวกัน

แต่ควรพิถีพิถันเลือกใช้ยี่ห้อที่มีชื่อเสียงเรื่องความแข็งแรง ทนทาน รวมถึงบริการหลังการขาย สำหรับเงินลงทุนในส่วนนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนเครื่องซักผ้าที่ต้องพิจารณาเรื่องของทำเลที่ตั้งประกอบด้วย สำหรับราคาค่าเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่ประมาณเครื่องละ 20,000-25,000 บาท

ถือเป็นอุปกรณ์ติดตั้งเสริมที่สำคัญมากและจะขาดไปเสียไม่ได้แนะนำให้เลือกใช้บริการบริษัทที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับสามารถป้องกันมิจฉาชีพได้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญควรหยอดได้ทั้งเหรียญ 5 และเหรียญ 10 เพื่อความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ สำหรับราคาค่าตู้หยอดเหรียญจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 -2,500 บาท ขึ้นไป/เครื่อง

ขอแนะนำว่าให้พิจารณาทำเลที่ตั้งให้อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้ที่พักอาศัย ใกล้โรงงาน หอพัก ตลาด โรงแรมหรือโฮสเทล ซึ่งแน่นอนว่าค่าเช่าอาจแพงสักหน่อยแต่รับรองว่าในระยะยาวแล้วจะช่วยคืนกำไรได้อย่างรวดเร็ว

ค่าเดินสายไฟ ระบบประปา ท่อน้ำทิ้ง คืออีกสิ่งที่จำเป็นต้องลงทุน ขอแนะนำว่าเลือกบริษัทดูแลระบบที่อยู่ใกล้ ๆ สถานที่ตั้งจะดีที่สุด หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขได้อย่างรวดเร็ว

ในช่วงต้นของการทำธุรกิจโดยเฉพาะ 3 เดือนแรกขอแนะนำว่าให้กันเงินค่าน้ำ ค่าไฟเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพราะอาจเป็นช่วงที่ลูกค้ายังไม่เยอะ จะได้ไม่ทำให้ธุรกิจสะดุด

ค่าซ่อมบำรุงถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเครื่องซักผ้าถูกใช้งานตลอดทั้งวันทั้งคืนจำเป็นต้องตรวจเช็กสภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง

ลูกค้าจำนวนมากยอมเสียเวลานั่งรอจนกว่าผ้าจะซักเสร็จ การมีสัญญาณ WiFi รวมถึงมีโต๊ะ เก้าอี้ พัดลมสำหรับให้บริการลูกค้าถือเป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้

กล้องวงจรปิดมีความสำคัญอย่างมาก ถือเป็นผู้ช่วยให้เจ้าของกิจการสามารถรับรู้ถึงปัญหา และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งเฝ้าหรือแวะไปที่ร้านบ่อย ๆ