เชื้อโรคและแบคทีเรียเป็นภัยร้ายขนาดเล็กที่เกาะติดบนเสื้อผ้าได้นานกว่าที่คิด ยกตัวอย่าง เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เป็นหวัดสามารถมีชีวิตอยู่บนเสื้อผ้าได้นาน 8 – 12 ชั่วโมง หรือเชื้อโควิด-19 สามารถเกาะติดบนผ้าได้นานถึง 24 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ระยะเวลาการมีชีวิตของแบคทีเรียอาจแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ลักษณะของเนื้อผ้า ความเข้มข้นของเชื้อโรค และอุณหภูมิ หากเสื้อผ้ามีความชื้นสูงและไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี จะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่ายและรวดเร็ว โดยขั้นตอนการลดเชื้อโรคและแบคทีเรียบนเสื้อผ้า สามารถทำได้ดังนี้
1. เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว หากยังไม่ได้ซักทำความสะอาดทันทีควรนำไปแขวนผึ่งนอกบ้านหรือบริเวณระเบียง จากนั้นจึงค่อยหยิบใส่ตะกร้าเพื่อรอการซัก (ล้างมือให้สะอาดหลังจับเสื้อผ้า)
2. หลีกเลี่ยงการสะบัดผ้าในบ้าน เพราะอาจทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียฟุ้งกระจาย ส่งผลทำให้ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเกิดการปนเปื้อน
3. เมื่อถึงเวลาซักให้หยิบเสื้อผ้าออกจากตะกร้าโดยให้ตัวสัมผัสกับเสื้อผ้าในตะกร้าน้อยที่สุด
4. ใส่น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และกดปุ่มเครื่องซักผ้าให้ทำงานตามปกติ แต่หากเป็นเสื้อผ้ามือสองหรือผ้าที่มีกลิ่นเหม็นอับซักไม่หาย แนะนำให้นำไปต้มในน้ำเดือดนาน 15 นาที หรือฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรด์ (เติม 1 ฝาต่อน้ำ 10 ลิตร) นาน 5 – 15 นาที ก่อนนำไปซักตามขั้นตอน
5. แบคทีเรียและกลิ่นอับบนเสื้อผ้ามักเกิดจากการซักผ้าไม่สะอาด หรือการตากผ้าในอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นหลังซักผ้าเสร็จควรนำผ้าไปตากในที่แดดจัด หรือตากในที่ที่มีอากาศถ่ายเทจนแห้งสนิทแล้วจึงค่อยเก็บเข้าตู้ แต่หากต้องการซักผ้าช่วงหน้าฝนหรือซักผ้าตอนกลางคืนไม่ให้เหม็นอับ แนะนำให้ใช้เครื่องอบผ้า LG ที่ช่วยให้ผ้าแห้งสนิท แห้งไว ผ้าไม่กรอบ และช่วยกำจัดแบคทีเรียบนเสื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. หมั่นทำความสะอาดถังซักผ้าเป็นประจำ เพื่อกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียที่อาจเกาะติดอยู่ในถังซัก
เคล็ดลับข้างต้นนอกจากจะช่วยลดเชื้อโรคและแบคทีเรียบนเสื้อผ้าได้แล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกแพร่กระจายไปส่วนต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนในครอบครัว