ไม่ว่าจะฤดูไหนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องปรับอากาศยังคงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความสำคัญอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนในเมืองไทยที่ร้อนสุดขีด หากต้องการเพิ่มความเย็นสดชื่นให้การพักผ่อน และทำกิจกรรมต่าง ๆ ท่ามกลางอากาศที่สดชื่น การมีแอร์บ้านดี ๆ สักเครื่องคงช่วยตอบโจทย์ได้ดีไม่น้อย แต่ทว่าฝันเรื่องการเปิดแอร์ให้เย็นของหลายคนต้องพังลง เพราะเปิดแอร์แล้วไม่เย็น หรือแอร์กลับไม่เย็นฉ่ำตามต้องการ ชวนให้หงุดหงิดใจ แม้หาวิธีแก้ไขต่าง ๆ นานาก็ไม่สามารถช่วยได้ จะปรับแอร์อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาก็กลัวว่าค่าไฟจะพุ่งสูง เพื่อช่วยทุกคนคลายความกังวลในช่วงหน้าร้อน บทความนี้ LG แจกเคล็ดลับเปิดแอร์ให้เย็นเร็วแบบประหยัดไฟ รับรองว่าเย็นฉ่ำกายใจแถมไม่มีปัญหาค่าไฟแพงตามมาแน่นอน

การเปิดแอร์ให้ประหยัด เป็นความต้องการของพ่อบ้านแม่บ้านทุกคน ถึงอย่างไรหากต้องการให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด จำเป็นต้องเลือกขนาดแอร์ให้เหมาะสมกับห้องด้วยเสมอ ตัวอย่าง ห้องปกติขนาด 12 – 15 ตร.ม. หรือห้องที่โดนแดดขนาด 11 – 14 ตร.ม. เหมาะกับแอร์ขนาด 9,000 BTU ห้องปกติขนาด 16 – 20 ตร.ม. หรือห้องที่โดนแดดขนาด 14 – 18 ตร.ม. เหมาะกับแอร์ 12,000 BTU โดย BTU (British Thermal Unit per hour) เป็นหน่วยวัดสากลที่ทำหน้าที่วัดขนาดความเย็นของแอร์ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการซื้อ BTU ใหญ่มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นมากเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วการเลือก BTU แอร์ที่สูงเกินความจำเป็น มักทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดการทำงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดลง ทั้งยังทำให้เกิดความชื้นในอากาศจนผู้อยู่อาศัยรู้สึกไม่สบายตัว มีราคาแพงเกินความจำเป็น และยังตามมาด้วยค่าไฟที่แพงเกินกว่าเหตุ แต่ขณะเดียวกันหากเลือกขนาด BTU ต่ำเกินไป มักทำให้แอร์ทำความเย็นช้า คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก แอร์เสียเร็ว สิ้นเปลืองพลังงาน และส่งผลค่าไฟแพงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อแอร์เครื่องใหม่อย่าลืมวัดขนาดห้องที่จะติดตั้งแอร์ให้พอดี หรือสอบถามพนักงานขายเพื่อให้พนักงานเลือกขนาดแอร์ที่เหมาะสมให้บ้านของคุณ ที่สำคัญอย่าลืมมองหาแอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 เพื่อการันตีความประหยัดด้วยเสมอ

เมื่อได้แอร์ขนาดที่เหมาะสมมาติดตั้งแล้ว สิ่งสำคัญต่อมาคือการเปิดแอร์ด้วยอุณหภูมิที่พอเหมาะ โดยทั่วไปอาจเคยได้ยินว่าการเปิดแอร์ 25 องศาช่วยประหยัดไฟ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเข้าใจที่ถูกแต่ไม่เสมอไป เพราะแอร์ 25 องศาเป็นเพียงอุณหภูมิมาตรฐานที่เหมาะสมกับร่างกาย และไม่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป เย็นเร็ว ลดค่าไฟ แต่ในความเป็นจริงแล้วหากห้องของคุณไม่ร้อนจนเกินไป คุณสามารถเพิ่มอุณหภูมิแอร์ 26 – 27 องศาเซลเซียสได้ตามความเหมาะสม ในขณะเดียวกันหากปรับอุณหภูมิแอร์อยู่ที่ 23 – 24 องศาเซลเซียส ย่อมส่งผลทำให้ค่าไฟแพงมากกว่าเช่นกัน เพราะฉะนั้นเปิดแอร์ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม เป็นวิธีที่ช่วยเซฟค่าไฟได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถใช้วิธีเปิดแอร์ให้เย็นเร็วและประหยัดร่วมด้วยได้เช่นกัน ดังนี้

ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
ก่อนเริ่มเปิดใช้งานแอร์ทุกครั้ง สิ่งสำคัญคือต้องมั่นใจว่าประตูและหน้าต่างปิดสนิทดีแล้ว เพราะหากประตู หน้าต่างมีช่องที่ปิดไม่สนิท มักทำให้ความเย็นถูกระบายออกนอกห้อง และมีความร้อนเข้าไปแทนที่มากเกินไป ส่งผลให้แอร์ทำงานหนัก ห้องไม่เย็น แถมยังเปลืองค่าไฟมากขึ้นด้วย ดังนั้นปิดประตูหน้าต่างให้สนิทหรือหากห้องกว้างเกินไปแนะนำกั้นด้วยฉาก รับรองว่าช่วยให้ห้องเย็นขึ้นแน่นอน

ปรับโหมดการใช้งานให้เหมาะสม
โหมดแอร์ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่เหมาะสม หากคุณเริ่มรู้สึกว่าแอร์ในห้องไม่เย็น ให้เช็กรีโมตแอร์ว่ากำลังทำงานด้วยโหมดอะไร โดยปกติแล้วการเพิ่มความเย็นสบายให้กับการพักผ่อนต้องเลือก Cool Mode ที่คุณสามารถปรับอุณหภูมิแอร์เองได้ตามต้องการ และ Auto Mode ที่ช่วยปรับอุณหภูมิของแอร์ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศทั้งภายในและนอกห้อง ช่วยให้อากาศกำลังดี ไม่หนาวหรือร้อนมากเกินไป

ปรับแอร์ให้เหมาะสมกับอุณหภูมิห้อง โดยปกติแล้วอุณหภูมิที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสบายและเย็นสดชื่น อยู่ที่ประมาณ 25 – 26 องศา แต่ทั้งนี้หากคุณติดแอร์ในห้องขนาดเล็ก หรือภายในห้องไม่ได้มีปัจจัยที่ก่อให้เกิดความร้อน เช่น จำนวนคน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ฟ้าชนิดอื่น สามารถเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้สูงกว่า 26 องศาได้ตามความเหมาะสม เพราะยิ่งอุณหภูมิแอร์สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยเซฟค่าไฟได้มากเท่านั้น

กระจายลมเย็นด้วยพัดลม แม้ว่าการเปิดแอร์เพียงอย่างเดียวจะช่วยทำความเย็นได้ทั่วถึง แต่คงดีกว่าหากคุณปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นมาอยู่ที่ 27 – 29 องศา แล้วใช้พัดลมช่วยเพิ่มความเย็นและช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึงรอบห้อง โดยที่คุณไม่ต้องปรับอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 25 องศาให้เปลืองไฟอีกต่อไป เปิดพัดลมและแอร์คู่กันรับรองว่าเย็นขึ้นและอุ่นใจเรื่องค่าไฟขึ้นแน่นอน

หลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความร้อน ไม่ว่าจะเป็นเตารีด โคมไฟ ไมโครเวฟ โทรทัศน์ ล้วนเป็นสาเหตุทำให้ห้องเกิดความร้อน ดังนั้นควรลดปริมาณการใช้งานหรือหลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องไฟฟ้าอื่น ๆ เพื่อให้แอร์ทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การปิดไฟแล้วหันไปใช้แสงสว่างจากธรรมชาติ ก็เป็นอีกเคล็ดลับที่ช่วยให้แอร์ทำงานได้ดีเช่นกัน

หลีกเลี่ยงการนำความชื้นเข้ามาภายในห้อง แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ไม่มีฝนตก แต่ความชื้นภายในห้องสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ภายในห้อง การนำผ้าที่มีความชื้นมาตากในห้อง สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่คนเองก็เป็นตัวนำพาความชื้นได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงความชื้นเหล่านี้ได้ สามารถใช้เครื่องลดความชื้น เข้าช่วยได้อีกทาง เพื่อเป็นการรักษาอุณหภูมิภายในห้อง ช่วยให้รู้สึกเย็นสบายตัว เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลงและเซฟค่าไฟไม่ให้พุ่งได้แล้ว

ตั้งเวลาปิดแอร์อัตโนมัติ เมื่อคุณปรับอุณหภูมิแอร์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว แต่ก็อยากประหยัดไฟขณะนอนหลับ แนะนำให้ตั้งเวลาปิดแอร์เอาไว้ เมื่อถึงเวลาแอร์จะตัดการทำงานอัตโนมัติ ทั้งเซฟค่าไฟแถมไม่ต้องเสียเวลาลุกขึ้นมาปิดแอร์เองอีกด้วย

หมั่นล้างแอร์เป็นประจำ ล้างแอร์บ้านกี่เดือนต่อครั้ง? คำตอบคือควรล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้ง แต่ทั้งนี้หากผ่านไปประมาณ 3 – 4 เดือนแล้วสังเกตว่าแอร์เริ่มมีฝุ่นเกาะหนา แอร์เริ่มไม่เย็น สามารถเรียกช่างมาล้างแอร์ได้ตามเวลาที่เหมาะสมเช่นกัน ซึ่งการล้างแอร์ไม่เพียงแต่ช่วยให้แอร์เย็นขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้อากาศในบ้านสะอาดและหมดห่วงเรื่องฝุ่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย

นอกจากวิธีเปิดแอร์ให้เย็นเร็วแล้ว การเลือกแอร์คุณภาพดีที่ใช้คอมเพรสเซอร์ Inverter เป็นอีกเคล็ดลับดี ๆ ที่ช่วยให้แอร์เย็นเร็ว สม่ำเสมอ ทั้งยังช่วยให้แอร์ทำงานเงียบ ทนทาน และประหยัดไฟ โดย LG มีตัวเลือกแอร์ประหยัดไฟให้คุณเลือกเป็นเจ้าของหลายผลิตภัณฑ์

แอร์อินเวอร์เตอร์ ARTCOOL GREEN รุ่น IAQ13G1โดดเด่นด้วยดีไซน์สีใหม่ สีเขียวมหาสมุทร Deep Green Ocean ขนาด 12,000 Btu มอบความเย็นสดชื่นให้บ้านและมั่นใจอากาศสะอาดด้วย Plasmaster™ Ionizer++ ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ยึดเกาะกับพื้นผิวได้กว่า 99.9% ทั้งยังช่วยดักจับฝุ่นทุกขนาดผ่านแผ่นกรองฝุ่น Pre-Filter และ Fine Dust Filter พร้อมเพิ่มความมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศแห้งและสะอาดอยู่เสมอด้วย Auto Cleaning ระบบไล่ความชื้นภายในเครื่องอัตโนมัติ ควบคุมง่ายด้วย Voice Assistant สั่งงานด้วยเสียงเพื่อชีวิตที่ง่ายกว่า ทำความเย็นเร็วกว่าด้วยคอมเพรสเซอร์ระบบ DUAL Inverter Compressor™ ประหยัดไฟ ทำงานเสียงเงียบ ไม่รบกวนการพักผ่อน พร้อมการรับประกันนาน 10 ปี

แอร์อินเวอร์เตอร์ LG DUALCOOL Plasmaster รุ่น INR13E ประหยัดไฟ ทำงานเงียบด้วย Dual Inverter Compressor มาพร้อมตัวกรองฝุ่นหลายชั้นเพื่ออากาศที่สะอาดกว่า Pre-Filter ดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ในขั้นตอนแรก FineDust Filter ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และ Plasmaster™ Ionizer++ ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศได้ถึง 99% นอกจากนี้ยังมี Auto Cleaning ที่ช่วยทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เพื่อให้เครื่องปรับอากาศไม่เป็นแหล่งสะสมของความชื้น เชื้อโรค และแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังมี Gold Fin™ แอร์คอยล์ทองแดง ที่เคลือบวัสดุชั้นดี ช่วยถ่ายเทความร้อน ทนต่อความร้อนและการกัดกร่อนจากสภาพอากาศ ยืดอายุการใช้งานได้นานยิ่งขึ้น

แอร์อินเวอร์เตอร์ LG DUALCOOL UVnano รุ่น IVQ18S1 มอบอากาศสะอาดด้วยระบบกรองฝุ่น 5 ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น Pre-Filter ดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ตั้งแต่เริ่มกระบวนการ FineDust Filter ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 Auto Cleaning ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมี Plasmaster™ Ionizer⁺ ช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในอากาศได้ 99% มาพร้อม UVnano™ ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียที่ใบพัดลมด้วยแสง UV LED ได้ถึง 99.9% เพื่อความสะอาดและอากาศที่สดชื่น สะดวกสบายรองรับการสั่งงานผ่าน LG ThinQ
แอร์อินเวอร์เตอร์ LG ประหยัดพลังงาน ทนทาน ทำความเย็นได้เร็ว ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชันกรองอากาศที่ดีต่อสุขภาพคนในบ้าน สนใจสอบถามรายละเอียดสินค้าได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 02-057-5757 ทุกวันเวลา 08:00 – 18:00 น.

●แชร์ทริค เปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ เย็นสบาย ค่าไฟไม่พุ่ง
●วิธีวัดขนาดห้องสำหรับติดแอร์ กระจายความเย็นทั่วถึง
●เปิดแอร์หน้าร้อนแบบประหยัด เย็นฉ่ำ ค่าไฟไม่พุ่งสูง