วิธีเลือกตู้เย็นประหยัดพลังงาน
ตู้เย็นไม่เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ในบ้านของคุณตรงที่ตู้เย็นแทบจะต้องเปิด ปิด ใช้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในตู้เย็นประหยัดพลังงานจึงเป็นประโยชน์ในระยะยาวทั้งกับคุณเอง หากคุณยังมีข้อสงสัยเรื่องวิธีเลือกตู้เย็นประหยัดพลังงาน ไม่ต้องกังวล เราได้รวบรวมคู่มือที่มีประโยชน์ให้คุณแล้ว
ข้อมูลฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพพลังงานตู้เย็น
ฉลากประหยัดไฟออกแบบมาเพื่อช่วยคุณตัดสินใจซื้อตู้เย็นใหม่แบบประหยัดพลังงานได้ง่ายขึ้น ฉลากจะบอกคุณว่าตู้เย็นที่คุณดูอยู่นั้นประหยัดพลังงานเพียงใด
สำหรับตู้เย็นและช่องแช่แข็งในประเทศ ฉลากประหยัดไฟจะแสดง:
- ตัวเลขและดาวบ่งบอกประสิทธิภาพการใช้พลังงาน: ในฉลากจะมีคะแนนตัวเลขให้ตั้งแต่ 1 คะแนน จนถึง 5 คะแนน และในระดับประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่เป็นค่าสูงสุด จะแบ่งประสิทธิภาพการใช้ไฟเพิ่มเติมผ่านทางดาวตั้งแต่ 1 ถึง 3 ดาว เพื่อบ่งบอกความประหยัด ถ้าเลขในฉลากมีค่ามากแปลว่ายิ่งประหยัดไฟมาก โดยยิ่งมีดาวบนฉลากมาก แสดงว่าอุปกรณ์นั้นมีประสิทธิภาพประหยัดไฟมากขึ้น
- คุณสามารถเปรียบเทียบระดับดาวของตู้เย็นที่มีความจุเท่ากันหรือใกล้เคียงกันได้เท่านั้น เนื่องจากขนาดตู้เย็นที่ใหญ่ขึ้นจะใช้พลังงานที่มากกว่าตู้เย็นที่มีความจุน้อย
- ตัวเลขการใช้พลังงาน: มีหน่วยเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ต่อปี ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณคาดการณ์ได้ว่าตู้เย็นจะใช้พลังงานเท่าใดในหนึ่งปี โดยอิงจากสมมติฐานที่ว่าตู้เย็นจะมีการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าการใช้พลังงานอาจแตกต่างกันไปตามการใช้งานตู้เย็นของคุณ ความถี่ของการเปิดเครื่องจริง และสภาพแวดล้อมที่ตู้เย็นทำงานอยู่
วิธีใช้ตู้เย็นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณต้องการใช้ตู้เย็นอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ทำตามคำแนะนำด้านล่างนี้
1: เลือกความจุที่เหมาะสม
โดยทั่วไปแล้ว ตู้เย็นขนาดใหญ่จะใช้พลังงานมากกว่าตู้เย็นขนาดเล็ก ขนาด (หรือความจุ) ของตู้เย็นมีหน่วยเป็นลิตร (L) ซึ่งบ่งชี้ว่าสามารถบรรจุสิ่งของได้มากแค่ไหน
ตู้เย็นที่มีความจุสูงกว่าจะใช้พลังงานมากกว่าเพื่อให้อากาศภายในเย็น ดังนั้นควรเลือกความจุที่มีขนาดเหมาะสมกับความต้องการของครัวเรือน ด้านล่างนี้เราได้ระบุขนาดต่างๆ ที่อาจเหมาะสม โดยพิจารณาจากจำนวนคนในบ้าน:
- ครอบครัวที่มี 1 หรือ 2 คน: ควรเลือกตู้เย็นขนาดเล็กซึ่งมีความจุตั้งแต่ 223L-399L
- ครัวเรือน 2 ถึง 3 คน: ตู้เย็นขนาดกลางเพียงพอสำหรับครอบครัวที่มี 2 ถึง 3 คน ควรเลือกตู้เย็นขนาดตั้งแต่ 400L-450L
- ครัวเรือน 4 ถึง 5 คนขึ้นไป: ครัวเรือนขนาดใหญ่ที่มี 4 คนอาจต้องการตู้เย็นที่มีความจุอย่างน้อย 450 ลิตร สำหรับครัวเรือนที่มีสมาชิกตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป คุณอาจต้องการตู้เย็นขนาดใหญ่ขึ้นที่มีความจุตั้งแต่ 500 ลิตรขึ้นไป
- LG มีตู้เย็นขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ให้เลือกมากมายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการในครัวเรือนของคุณ
2: อย่าใส่ของในตู้เย็นมากเกินไป
ตู้เย็นที่เป็นระเบียบสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่า ระวังอย่าบรรจุของในตู้เย็นมากเกินไป หรือใส่ของร้อนในตู้เย็น ในตู้เย็นที่มีของมากเกินไป จะมีผลต่อการไหลเวียนของอากาศ ทำให้อากาศเย็นจึงไม่สามารถไหลเวียนภายในตู้เย็นได้สะดวกยิ่งไปกว่านั้น คุณอาจเก็บของจนเน่าโดยไม่ได้นำมาประกอบอาหาร
3: ปิดประตูไว้
พยายามอย่าเปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้นานเกินไปเมื่อคุณนำอาหารและเครื่องดื่มออกจากตู้เย็น ทุกครั้งที่คุณเปิดประตู ตู้เย็นจะต้องเริ่มสะสมความเย็นใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้น
ตู้เย็น LG บางรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยี LG ThinQ®* คุณจึงได้รับแจ้งทุกครั้งที่เปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้นานเกินไป และตู้เย็นแบบ Door-In-Door® ของเรามาพร้อมกับช่องแยก คุณจึงหยิบของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น นมหรือของว่างได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเปิดประตูตู้เย็นบานใหญ่ ดูคู่มือการซื้อของเราเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติการประหยัดพลังงานที่คุณจะพบในตู้เย็นบางรุ่นของเรา
*แอป LG ThinQ® พร้อมใช้งานบนสมาร์ทโฟน Android หรือ iOS สมาร์ทโฟนที่รองรับ Android 4.1.2 (Jellybean) หรือใหม่กว่า หรือ iOS 9 หรือใหม่กว่า ซึ่งจำเป็นสำหรับแอป LG ThinQ® โทรศัพท์และ Wi-Fi ในบ้านต้องมีการเชื่อมต่อข้อมูลและการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์บนแอป ThinQ® คุณสมบัติอัจฉริยะอาจแตกต่างกันไปตามประเทศและรุ่น ตรวจสอบกับร้านค้าปลีกในพื้นที่ของคุณหรือ LG สำหรับความพร้อมในการให้บริการ คุณสมบัติและบริการอาจเปลี่ยนแปลงโดย LG โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
4: ปล่อยให้อาหารที่ร้อนเย็นลงก่อนนำเข้าตู้เย็น
หากคุณใส่ภาชนะบรรจุอาหารร้อนไว้ในตู้เย็น ตู้เย็นของคุณจะต้องทำงานหนักขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น เพื่อทำให้อาหารที่ร้อนค่อยๆ เย็นลง ดังนั้นหากคุณทำอาหารจำนวนมากหรือเก็บอาหารที่เหลือไว้ ให้รอจนกว่าอาหารจะเย็นลงก่อนนำไปใส่ในตู้เย็น
5: ตั้งอุณหภูมิที่ถูกต้อง
ควรตั้งและตรวจสอบอุณหภูมิของตู้เย็นเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าตู้เย็นทำงานในระดับที่เหมาะสม หากตู้เย็นของคุณไม่มีเทอร์โมสตัท (Thermostat) ในตัว ให้ซื้อเทอร์โมมิเตอร์สำหรับตู้เย็นเพื่อตรวจดูอุณหภูมิภายในตู้เย็น
ตู้เย็นของคุณควรมีอุณหภูมิเท่าไร?
เมื่อตั้งอุณหภูมิตู้เย็น ตัวเลขด้านล่างเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ดีสำหรับแต่ละช่อง:
- ช่องแช่เย็นควรมีอุณหภูมิประมาณ 3°C
- ช่องแช่แข็งควรมีอุณหภูมิประมาณ -18°C
คุณอาจต้องปรับอุณหภูมิเล็กน้อยระหว่างฤดูกาล ในฤดูหนาว อุณหภูมิที่เย็นกว่าในบ้านของคุณอาจทำให้อุณหภูมิในตู้เย็นลดลงได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ควรตั้งอุณหภูมิที่จะแช่อาอาหารสดที่ 0°C ถึง 4°C และตั้งอุณหภูมิช่องแช่แข็งไว้ที่ระหว่าง -18°C ถึง -20°C
พร้อมจะซื้อตู้เย็น LG ที่ประหยัดพลังงานแล้วหรือยัง
เรียกดูผลิตภัณฑ์ทั้งหมดทางออนไลน์เพื่อค้นหาตู้เย็นรุ่นใหม่ ตู้เย็นขนาดใหญ่ และตู้เย็นแบบช่องแช่แข็งอยู่ข้างล่าง เรายังมีตู้เย็นพิเศษ รวมถึงตู้แช่ไวน์ ที่เหมาะกับเจ้าของบ้านที่สุด
Life's Good!